ปวดหูจี๊ดๆเกิดจากอะไร?

 ปวดหูจี๊ดๆ เกิดจากอะไร

อาการปวดหู มักเกิดขึ้นได้กับทุกคน ซึ่งบริเวณใบหูของเรานั้นจะมีเส้นประสาทที่เชื่อมต่อกันอยู่หลายเส้น ได้แก่ โพรงจมูก, กล่องเสียง, ช่องคอ, ลิ้น ฟัน, ขากรรไกร รวมทั้งต่อมไทรอยด์ ซึ่งบางคนอาจรู้สึกปวดมาก ในขณะที่บางคนปวดเพียงเล็กน้อยแตกต่างกันไป โดยอาการปวดหูจี๊ดๆนี้ อาจเกิดจากทั้งการปวดเส้นประสาทหูโดยตรง หรือเพียงแค่อาการแสดงของโรคอื่นๆ ก็ได้

 

สาเหตุของอาการปวดหูจี๊ดๆ

            – ผู้ที่ชอบดำน้ำบ่อยๆ อาจขาดออกซิเจน และเลือดไปเลี้ยงบริเวณหูชั้นใน ทำให้ร่างกายปรับความดันภายในหู

ไม่ได้จึงทำให้เกิดอาการปวดหู

            – ผู้ที่มีน้ำเข้าหูจากการว่ายน้ำแล้วขี้หูเกิดอมน้ำ จนทำให้ขี้หูพองตัวขึ้น ทำให้ได้ยินเสียงไม่ค่อยชัด และเกิด

อาการปวดหู หูอื้อขึ้นได้

            – ผู้ที่ชอบไปเที่ยวสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่มีเสียงเพลงดังๆ หรือฟังเพลงเสียงดังโดยใช้หูฟังเป็นเวลานาน ทำให้

เยื่อแก้วหูเกิดปฏิกิริยากับแรงดันเสียงคลื่นทำให้รู้สึกปวดหูและอาจถึงขั้นเซลล์ประสาทหูเสื่อมจนสูญเสียการได้ยิน

            – ผู้ที่ชอบใช้โทรศัพท์เป็นเวลานานๆ ทำให้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเข้าไปทำลายประสาทหู ทำให้ปวดหูและการ

ได้ยินลดน้อยลง

            – การนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้มีเลือดเข้าไปเลี้ยงหูชั้นในไม่เพียงพอ เป็นเหตุให้ระดับน้ำในหูทั้งสองข้าง

ไม่เท่ากัน

            – เกิดจากการมีสิ่งแปลกปลอมเข้าหูอย่างฝุ่นละออง หรือควันจากรถต่างๆ เป็นต้น

            – เกิดจากการทานยาปฏิชีวนะบางชนิด โดยสารเคมีที่อยู่ในยาปฏิชีวนะจะส่งผลกระทบต่อเซลล์ประสาทในหู

ทำให้ปวดหูและอาจเกิดหูดับได้

 

วิธีการป้องกันอาการปวดหูจี๊ดๆ

            – ใส่ที่อุดหูป้องกันขณะดำน้ำหรือว่ายน้ำทุกครั้ง

            – ไม่แคะหูโดยใช้ก้านสำลี ให้เปลี่ยนเป็นที่แคะหูแบบมีปลายตัก โดยแคะแบบระมัดระวัง และเบามือ

            – ไม่เปิดเพลงเสียงดังๆ และหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีเสียงดังมากๆ

            – ไม่คุยโทรศัพท์นานๆ หากจำเป็นควรใช้หูฟัง หรือบลูทูธ

            – พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด

            – หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง และออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย

            – ไม่ซื้อยาปฏิชีวนะมารับประทานเอง ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ และหมั่นสังเกตว่าทานแล้วระดับการ

ได้ยินเริ่มลดลงหรือไม่

 

ซึ่งหากเกิดอาการปวดหูจี๊ดๆ ขึ้น ทางที่ดีควรรีบไปปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านหูโดยตรง เพราะหากปล่อยไว้นาน

อาจเกิดภาวะหูดับถาวรได้นะคะ

 

ขอบคุณรูปภาพจาก www.flickr.com

 

แชร์บทความนี้ให้กับเพื่อนๆของคุณด้วยนะคะ^^

Comments

comments